WooCommerce

ปลั๊กอิน
แจกปลั๊กอิน เปลี่ยนปุ่ม Add to Cart ใน WooCommerce เป็นปุ่ม Facebook Messenger เพื่อให้ลูกค้า Chat สอบถามรายละเอียดก่อนสั่งซื้อ แจกปลั๊กอิน เปลี่ยนปุ่ม Add to Cart เป็นปุ่มแชทกับร้านค้า สืบเนื่องจาก SeedThemes ได้แนะนำ วิธี เปลี่ยนปุ่ม Add to Cart เป็นปุ่มที่กดแล้วแชทกับร้านค้าได้ ใน WooCommerce ผมก็เห็นว่าเป็นวิธีที่เจ๋งดีเลยแชร์มาที่เพจ CodingDee ให้ลูกเพจบ้างเผื่อใครยังไม่รู้ หลังจากแชร์ไปก็มี Request เข้ามาเยอะมาก ทำเป็นปลั๊กอินให้หน่อยสิ แอดทำปลั๊กอินได้ไหม สุดท้ายผมเลยทำเป็น Plugin ไว้ให้ใช้ได้ง่ายขึ้น ติดตั้งเสร็จแล้วคลิกที่  การตั้งค่า ตามภาพ ปลั๊กอินนี้ทำอะไรได้บ้าง จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรพิเศษเพียงแต่ผมทำให้มันตั้งค่าได้สะดวกขึ้นอีกหน่อย เปิดปิด Plugin ได้ กำหนดความ กว้าง ความสูงของกล่อง Chat ในหน้าตั้งค่าปลั๊กอินได้เลย กำหนด ข้อความที่แสดงตรงปุ่ม Chat ได้เอง วิธีใช้ก็กรอก App ID และ Facebook Page URL ก็เป็นอันจบ ใช้งานได้เลย จบแล้ว อย่าลืมลงปลั๊กอิน...
ปลั๊กอินเวิร์ดเพรส
ปลั๊กอินเวิร์ดเพรส นี้จะเพิ่มกล่องแจ้งระยะเวลาที่ลูกค้าจะได้รับสินค้าในหน้าสั่งซื้อ จากที่ผมทดสอบใช้จริงและวัดผลด้วยการทำ A/B Testing ได้ผลออกมาว่าหน้าที่มีการแจ้งระยะเวลารับสินค้า Conversion Rate เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 17.5% เลย ผมเลยเขียนเป็น Plugin มาแจกซะเลย ปลั๊กอินเวิร์ดเพรส นี้จะช่วยลดจำนวนคำถามจากลูกค้าให้น้อยลงได้ เว็บไซต์ใหญ่ ๆ อย่าง Lazada, Apple เค้าก็จะมีการแจ้งระยะเวลาที่คาดว่าจะได้รับสินค้าไว้ในขั้นตอนการสั่งซื้อเลย เพื่อให้ลูกค้าทราบและลดจำนวนการสอบถามเข้ามายัง Call center หรือที่เว็บไซต์เอง ลดทั้งจำนวนงานที่ต้องคอยตอบคำถามและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ไปในคราวเดียว ขายดีขึ้นกว่าเดิม จากที่ผม monitor ดูหลังบ้านจะมีลูกค้าที่ส่งอีเมลหรือโทรศัพท์เข้ามาสอบถามบ่อยครั้ง ว่าสั่งสินค้าไปแล้ววันไหนจะได้รับสินค้า เป็นคำถามยอดฮิตคำถามหนึ่งที่ถามบ่อยมาก ผมเองแก้ไขโดยเพิ่มไว้ใน FAQ จนมาเจอวิธีนี้ที่ผมเองได้นำไปใช้จริงและได้ผลดีเกินคาดคือ ลูกค้าถามเข้ามาน้อยลงกว่าเดิมมากและ conversion rate เพิ่มขึ้น 17.5% เรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าขายดีขึ้นกว่าเดิม 17.5% ตัวเลขนี้มาจากการทำ A/B Testing นะครับ ไว้บทความหน้าผมจะนำมาเขียนให้อ่านกันว่าทำ A/B Testing เนี่ยทำไปทำไม มีข้อดียังไง ทำไมถึงต้องทำ ตัวอย่างหลังจากติดตั้งปลั๊กอิน โหลดกันเลย คลิกที่นี่ จบแล้ว หากอ่านแล้วชอบบทความจาก CodingDee ก็ฝาก กดไลค์เพจ ด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดข่าวสารเทคนิคดี ๆ จากเรา หรือติดปัญหาตรงไหนก็คอมเมนต์ไว้ด้านล่างนี้ได้ ไว้พบกันบทความต่อไปครับ
ecommerce tracking
Ecommerce Tracking สร้างได้ใน 7 ขั้นตอน ช่วยให้เราวัดผล Conversion บนเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับทีม Marketing เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า..  Ecommerce Tracking สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า E-commerce Tracking คืออะไร แล้วทำไปทำไม ผมจะอธิบายให้เข้าใจในเบื้องต้นก่อนนะครับ E-commerce Tracking ก็คือการติดตามพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าภายในเว็บไซต์ของเรา ว่าเค้ามีพฤติกรรมการใช้งานอย่างไรบ้างเช่น ลูกค้าเข้าเว็บเรามาจากช่องทางไหน อาจจะมาจาก Facebook หรือมาจาก Google Search เป็นต้น สินค้าในเว็บเราถูกขายไปแล้วรวมทั้งหมดเป็นเงินกี่บาท สินค้าชนิดไหนขายดีที่สุด ลูกค้าชำระเงินผ่านช่องทางไหนมากที่สุด ลูกค้าเลือกช่องทางจัดส่งสินค้าช่องทางไหนมากที่สุด ถ้าเรามีข้อมูลพวกนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเราจะวางแผนทำอะไรต่อไปเพื่อเพิ่ม Conversion Rate (เปอร์เซ็นต์การสั่งซื้อสินค้าภายในเว็บไซต์) ให้มากขึ้น ยกตัวอย่าง จากการวิเคราะห์ข้อมูลแล้วเราพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่มาจาก Google Search เข้ามาทางบทความ A นั้นหมายความว่า บทความ A เป็นบทความที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า แสดงว่าเราต้องให้ความสำคัญกับบทความ A นี้เป็นพิเศษ อาจจะทำ Optimize หน้านี้ให้โหลดเร็วมากขึ้น ลูกค้าจะได้ไม่ต้องรอนาน ถ้าหน้าเว็บโหลดนานก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะปิดหน้าเว็บออกไปทำให้เสียลูกค้าไป สินค้าชนิด B ขายดีที่สุด เราก็ควรจะสั่ง stock สินค้าชนิด...
google-rich-snippet-for-woocommerce
Rich Snippet คืออะไร ? สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่ามันคืออะไรอ่านบทความนี้ก่อนนะ Google Rich Snippet สิ่งสำคัญที่คนทำเว็บต้องรู้ ส่วนใครทราบแล้วหรือขี้เกียจอ่าน ข้ามตรงนี้ไปส่วนต่อไปกันได้เลย วิธีใช้งาน ปลั๊กอินนี้ไม่ต้องตั้งค่าอะไร ลงเสร็จใช้งานได้เลย เหมาะสำหรับใครที่เขียนโค๊ด schema ไม่เป็นหรือขี้เกียจเขียน ผมเองก็เขียนไว้ใช้งานเองเห็นว่าสะดวกดีเลยนำมาแจกเป็นของขวัญปีใหม่ให้ทุกท่านได้ใช้งานกันนะครับ โหลดปลั๊กอินที่นี่ วิธีเช็ค Rich Snippet หลังจากเราติดตั้งปลั๊กอินเสร็จแล้วให้เปิด url นี้ คลิก หลังจากนั้นให้เราไป copy url หน้าสินค้าแล้วนำมาใส่ตามตัวอย่างภาพด้านล่างนี้ สังเกตุที่คอลัมน์ขวามือ กดที่ดูตัวอย่าง หน้าตา Rich Snippet จะออกมาประมาณนี้ จบแล้ว หวังว่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านนะครับหากอ่านแล้วชอบบทความจาก CodingDee ก็ฝาก กดไลค์เพจ ด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดข่าวสารเทคนิคดี ๆ จากเรา หรือติดปัญหาตรงไหนก็คอมเมนต์ไว้ด้านล่างนี้ได้ ไว้พบกันบทความต่อไปครับ ปีนี้ผมจะหมั่นเขียนบทความให้อ่านกันบ่อย ๆ นะค้าบ

Google Tag Manager

Facebook Pixel with Google Tag Manager

Facebook Pixel with Google Tag Manager

Facebook Pixel สำหรับใครที่ทำงานด้าน Digital Marketing ผมมั่นใจว่าต้องได้ติดกันแน่นอน สำหรับออฟฟิศที่มี โปรแกรมเมอร์ก็อาจจะให้เค้าช่วยติดให้ได้ แต่ถ้าไม่มีล่ะ หรือโปรแกรมเมอร์งานยุ่งมาก ยังไม่ว่างติดให้หรอก เราจะทำยังไงดี Facebook Pixel with Google Tag Manager ถ้าใครเป็นคนที่ชอบอะไรที่ง่าย ๆ และรวดเร็ว CodingDee มีวิธีที่เหมาะกับคุณ ไม่ต้องรอโปรแกรมเมอร์ ไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรม ไม่กี่คลิกก็ติด Pixel...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า